WHAT IS BLOG ?
Blog มาจากศัพท์คำว่า WeBlog บางคนอ่านคำๆ นี้ว่า We Blog บางคนอ่านว่า Web Log แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ทั้ง 2 คำ บ่งบอกถึงความหมายเดียวกัน ว่านั่นคือบล็อก (Blog) โดยคำว่า weblog นั้นมาจาก web (เวิลด์ไวด์เว็บ) และ log (ปูม, บันทึก) ซึ่งรวมกันหมายถึง “ปูมเว็บ” หรือ บันทึกบนเวิล์ดไวด์เว็บ นั่นเอง หรือ ถ้าจะขยายความมากไปกว่านั้น Blog ก็จะหมายถึง การบันทึกบทความของตนเอง (Personal Journal) ลงบนเว็บไซต์ มีการจัดเรียง “เรื่อง” หรือ post เรียงลำดับ โดยเรื่องใหม่จะอยู่ด้านบนสุด ส่วนเรื่องเก่าก็จะอยู่ด้านล่างสุด ซึ่งจะมีวันที่-เวลาเขียนกำกับไว้ เป็นที่นิยมกันในหมู่มาก
มีหลายครั้งที่เกิดความเข้าใจกันผิดว่า Blog เป็นแค่ไดอารี่ออนไลน์ แต่ความเป็นจริงแล้ว ไดอารี่ออนไลน์เปรียบเสมือน เนื้อหาประเภทหนึ่งของบล็อกเท่านั้น เพราะบล็อกมีเนื้อหาที่หลากหลาย และครอบคลุมได้ทุกเรื่อง ตั้งแต่การบันทึกเรื่องส่วนตัวอย่างไดอารี่ จนถึงการบันทึกบทความเฉพาะด้านต่างๆ เช่น เรื่องการเมือง เรื่องธุรกิจ เรื่องกล้องถ่ายรูป เรื่องกีฬา เป็นต้น โดยจุดเด่นที่ทำให้บล็อก เป็นที่นิยมก็คือ ผู้เขียนบล็อก จะมีการแสดงความคิดเห็นของตนเองใส่ลงไปในบทความนั้นๆ มีการสื่อสารกับผู้อ่านผ่านทางระบบ comment และมีการถ่ายทอดอย่างเป็นกันเอง โดยบล็อกบางแห่งจะมีอิทธิพลในการโน้มน้าวจิตใจผู้อ่านสูงมาก แต่ในขณะเดียวกัน บางบล็อกก็เขียนขึ้นมาเพื่อให้อ่านกันในกลุ่มเฉพาะเช่นเพื่อน หรือคนในครอบครัว Blog ให้ อิสระในการเขียนเรื่องอะไรก็ได้ตามแต่ใจผู้เขียน โดยจะสะท้อนบุคลิกของผู้เขียนออกมา ถ้าคนไหนเป็นคนตลก ก็จะเขียนออกมาได้สนุกสนาน น่าอ่าน, ใครชอบเลี้ยงสุนัขจะเล่าเรื่องสุนัขของตัวเอง เป็นต้น Blog มีทั้งบริการแบบเสียค่าใช้จ่าย และไม่เสียค่าใช้จ่าย ขึ้นอยู่กับรูปแบบของการให้บริการ ซึ่งมักจะติดตั้ง Tool ให้สามารถใช้งานได้อย่างง่ายๆ โดยไม่จำเป็นต้องมีความรู้ด้านคอมพิวเตอร์มากนัก
Blogger สามารถแปลได้ 2 ความหมายคือ
1 คนเขียนบล็อก หรือเจ้าของบล็อกนั่นเอง
2 ระบบ update blog หรือ blog engine ที่เรียกว่า Blogger.com นั่นเอง
ซึ่งสามารถประเภทจำแนกได้คร่าวๆ ดังนี้
1. บล็อกเกอร์อิสระ นักเขียนบล็อกประเภทนี้จะเขียนบล็อกของตัวเอง โดยจำกัดบล็อกของตัวเองไว้ว่าเป็นบล็อกส่วนตัว สำหรับเขียนเรื่องราวส่วนตัว หรือความคิดส่วนตัว โดยไม่ได้นำเสนอบล็อกของตัวเองเพื่อการอย่างอื่น นอกจากการชมเพื่อความบันเทิง, ความสนุกในหมู่เพื่อนฝูง
2. บล็อกเกอร์แนวธุรกิจ => รับทำบล๊อกเกอร์
นักเขียนบล็อกกลุ่มนี้ มักจะเขียนเนื้อหาของ blog ที่เป็นการแนะนำผลิตภัณฑ์หรือบริการของตน คือใช้ blog เป็นเครื่องมือในการทำการตลาดนั่นเอง
3. บล็อกเกอร์แบบองค์กร บล็อกเกอร์กลุ่มนี้ จะใช้ blog เพื่อเป็นการสื่อสารภายใน ไม่ว่าจะเป็นภายในองค์กร เช่นภายในบริษัท หรือใช้สื่อสารภายในทีมฟุตบอล หรือสโมสรต่างๆ
4. บล็อกเกอร์มืออาชีพ บล็อกเกอร์ที่เขียนบล็อกอย่างเดียว โดยมีรายได้จากบล็อกเพื่อยังชีพ บางคนได้รับค่าจ้างเป็นเงินเดือน ให้เขียนบล็อกอย่างเดียว บางคนเขียนบล็อกของตัวเอง โดยได้รับค่าโฆษณาต่างๆ จากผู้สนับสนุน กลุ่มนี้อาจเป็นบริษัทที่เขียนบล็อกโดยเฉพาะ ที่เห็นชัดเจนก็คือ blogger ชาวต่างประเทศ เพราะเขียนให้คนอ่านมากๆ แล้วใช้โฆษณาของ Google Adsense มาติดไว้ บางคนมีก็รายได้จากการเป็น presenter ให้สินค้าต่างๆ
ประโยชน์ของ web blog
Blog มีไว้เพื่อตอบสนองตัณหาของเจ้าของ blog ถึงแม้ว่า blog จะมีลักษณะหน้าตาคล้ายกัน แต่ blog แต่ละแห่งจะมีบุคลิกเฉพาะตัว แตกต่างกันไปเหมือนบุคลิก บาง blog แค่เล่าเรื่องชีวิตประจำวัน บาง blog เกาะติดข่าว บาง blog คุยเรื่องการเมืองหรือปรัชญา จงนั้นอาจแบ่งประโยชน์ได้หลายแบบด้วยกัน ซึ่งอาจจะแจกแจงได้ดังนี้
1.เปิดตัวเองให้โลกรู้ เรื่องของ blog มักเป็นเรื่องราวของเจ้าของ blog เป็นการเล่าประสบการณ์หรือความคิดของเจ้าของ เป็นการถ่ายทอดความคิดความรู้สึกของเจ้าของ blog เป็นการระบายความเคลียดอีกทางหนึ่ง
2.ทันข่าวทันเหตุการณ์ ประสบการณ์บางคนก็เป็นข่าวเห็นอีกหลายคนได้ ข่าวจาก blog หลายแห่งเป็นข่าววงใน บางคนเล่าเหตุการณ์หรืออุบัติเหตุที่เจอมา หลาย blog พูดถึงแนวโน้มหรือความเปลี่ยนแปลงใหม่ ๆ
3. กลั่นกรองข้อมูล blog บาง blog จะมีการกลั่นกรองข้อมูลก่อนนำลง blog ทำให้ผู้อ่าน blog ไม่ต้องเสียเวลาในการกลั่นกรองข้อมูล เพราะมีการนำเสนอข้อมูลหรือมีไกด์ในการท่องเว็บ
4. รายงานการท่องเว็บ เป็นวัตถุประสงค์หลักที่เป็นต้นกำเนิดของการทำ blog หลาย blog มีการลิงก์ไปยังเว็บที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาใน blog ซึ่งเป็นการแนะนำว่าเว็บไหนดีก็ไปที่เว็บนั้น
5. การแสดงความคิดเห็น ไม่ว่าจะเป็นความในใจของเรื่องต่างๆ ความคิดเชิงสร้างสรรค์ หรือการบ่นที่ทุกคนมีอยู่ในใจ การทำ blog เป็นช่องทางถ่ายทอดความคิดเห็นให้คนอื่นรับรู้
6. ถ่ายทอดประสบการณ์ หรือไดอะรี่ออนไลน์ เป็นการถ่ายทอดเรื่องราวในชีวิตประจำวัน หรือเป็นการเล่าเรื่องการเดินทางท่องเที่ยว เช่น www.terrystrek.com
7. โน้มน้าวใจผู้อ่าน ลักษณะนี้เป็นการโฆษณาชวนเชื่อ แต่กรณีแบบนี้เป็นการขายความคิด อย่าง blog สำหรับคอการเมืองอาจจะมีฝ่ายซ้าย - ฝ่ายขวา,สายเหยี่ยว - สายพิราบ จะพบว่าเนื้อหาจะเป็นการโพสต์โจมตีฝ่ายตรงข้าม แล้วก็สนับสนุนแนวความคิดของตนเอง
การสร้างบล็อก เค้าทำกันยังไง
การสร้างบล็อกมีสองวิธีหลักๆ คือ
- ใช้บริการบล็อกฟรี/บล็อกสำเร็จรูป
- สร้างบล็อกโดยการเช่าเว็บโฮสติ้ง
ถ้าคุณอยากมีบล็อกของตัวเองอย่างแท้จริง (แบบที่ปรับแต่งทุกอย่างได้อย่างอิสระ) คุณต้องเช่าเว็บโฮสติ้ง ซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายประมาณ 1000 ถึง 2000 บาทต่อปี
แต่ถ้าคุณไม่อยากเสียเงิน คุณสามารถใช้บริการบล็อกฟรี/บล็อกสำเร็จรูป เหล่านี้ได้
ข้อดีของบล็อกฟรีคือ ไม่มีค่าใช้จ่าย และไม่ต้องติดตั้งอะไรให้ยุ่งยาก แค่สมัครสมาชิกคุณก็สามารถเริ่มเขียนบล็อกได้ทันที
แต่ช้าก่อน ก่อนจะใช้บริการบล็อกฟรี คุณต้องรู้ข้อเสียของมันก่อน (หากรับข้อเสียไม่ได้จะได้ไม่เสียเวลาทีหลัง)
ข้อเสียของบล็อกฟรีมีดังนี้
- ชื่อของบล็อกจะยาว ไม่สวย แบบนี้ครับ https://noobmarketer.wordpress.com
- มีข้อจำกัดเยอะ เช่น เปลี่ยนดีไซน์ไม่ได้ แก้ layout ไม่ได้ ลงปลั๊กอิน (ความสามารถเสริม) ไม่ได้
- คุณไม่ใช่เจ้าของบล็อกอย่างแท้จริง บล็อกคุณอาจถูกปิดเมื่อไรก็ได้
- อาจจะมีการแสดงโฆษณาบนบล็อกของคุณ
บริการบล็อกฟรีส่วนใหญ่ ไม่ใช่องค์กรการกุศล พวกเขาต้องการ “กำไร” เหมือนบริษัททั่วไป
วิธีการหากำไรของบริษัทนี้มีสองอย่าง
- ติดตั้งโฆษณาลงบนบล็อกของคุณ (ก็คือทำเงินจากเนื้อหาของคุณนั่นเอง)
- จำกัดฟังก์ชันการทำงานของบล็อกไว้ เพื่อบีบให้คุณอัพเกรดเป็น plan แบบเสียเงิน (ซึ่งมักจะแพงกว่าการเช่าเว็บโฮสติ้งเอง)
เพราะฉะนั้น ผมคิดว่าบล็อกฟรีเหมาะสำหรับคนที่แค่อยาก “ทดลอง” เขียนบล็อกดู หรือคนที่ต้องการแค่แชร์เรื่องราวขำๆ (ไม่ได้จริงจังอะไร)
แต่ถ้าคุณจริงจังกับการสร้างบล็อกล่ะก็ ผมไม่แนะนำบล็อกฟรีเด็ดขาด
ใช้บล็อกฟรีไปก่อนแล้วอัพเกรดเป็นแบบเสียเงินทีหลัง ดีไหม?
บล็อกฟรีบางที่มีทางเลือกให้สามารถอัพเกรดเป็นแบบเสียเงินทีหลังได้ (แลกกับความสามารถและฟังก์ชันเพิ่มเติมให้กับบล็อกของคุณ)
คุณอาจสงสัยว่าถ้าอย่างนั้นตอนแรกใช้บล็อกฟรีไปก่อนดีไหม ถ้าจริงจังค่อยอัพเกรดเป็นแบบเสียเงินก็ได้
นี่เป็นสิ่งที่ทำได้เหมือนกันครับ แต่ถ้าคุณจะอัพเกรดทีหลัง คุณต้องรับค่าใช้จ่ายที่สูงเกินควรให้ได้
ผมยกตัวอย่างบริการสร้างบล็อกของ WordPress.com ละกัน ปัจจุบันบริษัทนี้มี plan ดังต่อไปนี้ (ข้อมูลวันที่ 31 มกราคม 2562)
- Free Plan แพลนนี้ไม่มีค่าใช้จ่าย แต่จะมีการแสดงโฆษณาบนบล็อกของคุณ
- Premium Plan (279 บาทต่อเดือน) ไม่มีโฆษณา แต่มีการจำกัดฟังก์ชันการทำงานของบล็อกไว้
- Business Plan (833 บาทต่อเดือน) สามารถปรับแต่งเว็บไซต์ได้เต็มรูปแบบ
จะเห็นได้ว่า ถ้าไม่อยากให้บล็อกคุณถูกจำกัดฟังก์ชันการทำงาน คุณเลือกแพลนที่แพงที่สุด
ว่าแต่ไอ้การ “จำกัดฟังก์ชันการทำงาน” มันเป็นยังไง? ผมจะยกตัวอย่างเหตุการณ์จริงให้
วันก่อนมีผู้อ่านที่สร้างบล็อกกับ WordPress.com ติดต่อมาหาผม ให้ผมช่วยติดตั้งเครื่องหมายการค้า (DBD Registered) ลงบนบล็อกเธอหน่อย (เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ)
ผมลองทำดู ปรากฎว่าทำไม่ได้ครับ เพราะเค้าใช้ premium plan อยู่ หากต้องการติดตั้งจะต้องทำการอัพเกรดเป็น business plan ก่อน ก็คือเสียเงินเพิ่มจาก 279 บาทเป็น 833 บาทต่อเดือน!!
ราคานี้ถือว่าแพงมาก ถ้าผู้อ่านคนนั้นสร้างบล็อกโดยการเช่าเว็บโฮสติ้งแทนละก็ จะได้บล็อกที่มีฟังก์ชันความสามารถเท่ากัน แต่จะเสียเงินน้อยกว่ามาก (ไม่เกิน 200 บาทต่อเดือน)
สรุปคือ ถ้าคุณจริงจังกับการสร้างบล็อกของคุณ ยอมเสียเงินเช่าเว็บโฮสแต่แรกดีกว่าครับ
การสร้างบล็อกโดยการเช่าเว็บโฮสติ้ง
ถ้าคุณสร้างบล็อกโดยการเช่าเว็บโฮสติ้ง บล็อกนั้นจะเป็นของคุณอย่างแท้จริง คุณสามารถควบคุมและปรับแต่งบล็อกของคุณได้อย่างอิสระ
นอกจากนี้ การสร้างบล็อกแบบนี้ยังเป็นวิธีที่เสียค่าใช้จ่ายน้อยที่สุดอีกด้วย (ถ้าคุณเลือกเว็บโฮสที่เหมาะสม ซึ่งอันนี้ผมแนะนำให้ได้)
วิธีการคร่าวมีดังนี้
- เช่าเว็บโฮสติ้ง (เซิร์ฟเวอร์ที่เก็บไฟล์ต่างๆ ของบล็อกคุณเอาไว้) พร้อมกับจดโดเมน
(ชื่อบล็อกของคุณ) ไปพร้อมกัน (จะทำให้ไม่ต้องเสียค่าโดเมน) - ติดตั้ง WordPress (โปรแกรมฟรีสำหรับสร้างบล็อก/เว็บไซต์)
- ทำการใส่เนื้อหา, ปรับแต่งหน้าตา, สร้างเมนู, ฯลฯ
สำหรับขั้นตอนที่ 1 และ 2 ผมได้เขียนบทความอย่างละเอียดไว้เรียบร้อยแล้ว ให้อ่านวิธีการและทำตามจากบทความข้างล่างได้เลยครับ (หน้าเพจจะเปิดในหน้าต่างใหม่)
พอผู้อ่านสร้างบล็อก (เปล่าๆ) ตามบทความข้างบนแล้ว ให้เข้าไปที่ Dashboard (ส่วนควบคุมสำหรับแอดมิน) โดยพิมพ์ชื่อบล็อกของคุณตามด้วย /wp-admin (เช่น myblog.com/wp-admin) จากนั้นให้ล็อกอินโดยใช้ username และ password ที่ได้กำหนดไว้ตอนติดตั้ง WordPress

พอล็อกอินเข้ามาแล้ว คุณจะเห็น Dashboard หน้าตาแบบนี้

พอเข้ามาที่ Dashboard แล้ว เรามาเริ่มปรับแต่งบล็อกกันเลยครับ
เลือกธีม (design) ของบล็อก
ธีม (theme) คือสิ่งที่กำหนดรูปร่างหน้าตา (design และ layout) ของบล็อกคุณ
ตอนที่ลง WordPress ใหม่ๆ บล็อกของคุณจะใช้ธีม default ที่แถมมากับตัว WordPress (ซึ่งไม่ค่อยสวยเท่าไหร่)
ถ้าคุณไม่ชอบธีม default ของบล็อกคุณ คุณสามารถดาวโหลดธีมที่คุณชอบผ่าน WordPress Dashboard และเปลี่ยนไปใช้ธีมนั้นได้
ก่อนอื่นให้เข้าไปเลือกชมธีมทั้งหลายก่อน:
- ที่เมนูด้านซ้ายมือของ Dashboard กดเลือก Appearance ตามด้วย Themes (ดูรูปประกอบด้านล่าง)
- กด Add New

จะมีธีมมากมายแสดงขึ้นมาให้คุณเลือกตามใจชอบ หากถูกใจธีมอันไหนให้กด Install เพื่อดาวน์โหลดธีมมาที่บล็อกคุณ หลังจากดาวน์โหลดเสร็จให้กดปุ่ม Activate เพื่อให้บล็อกคุณเปลี่ยนไปใช้ธีมที่ดาวโหลดมา (ถ้าไม่ Activate บล็อกก็ยังจะใช้ธีมเดิมอยู่นะครับ)

หลักการเลือกธีมสำหรับบล็อก
วิธีง่ายๆ ในการหาธีมที่เหมาะสม ให้ผู้อ่านพิมพ์คำว่า blog ตรงช่องค้นหาธีม มันจะแสดงธีมที่ถูกออกแบบมาสำหรับบล็อกโดยเฉพาะครับ

เวลาเลือกธีมสำหรับบล็อกของคุณ ผมแนะนำให้เลือกธีมที่มีตัวอักษรขนาดใหญ่หน่อย
เนื่องจากบล็อกเป็นเว็บไซต์ที่มีตัวหนังสือเยอะ การใช้ธีมที่แสดงตัวอักษรขนาดเล็กไป จะทำให้อ่านยาก และปวดตา (โดยเฉพาะเวลาอ่านบนมือถือ)
เพื่อให้เห็นภาพ ลองดูภาพเปรียบเทียบขนาดตัวอักษรด้านล่างครับ
จากรูปจะเห็นได้ว่าตัวอักษรด้านขวามืออ่านง่ายกว่ามาก ซึ่งการที่บล็อกคุณอ่านง่าย จะส่งผลให้คนใช้เวลาบนบล็อกคุณนานขึ้นครับ
นอกจากขนาดตัวอักษรที่เหมาะสมแล้ว ธีมที่คุณเลือกควรจะมี layout เรียบๆ ไม่รกตา ผู้อ่านจะได้โฟกัสที่ตัวเนื้อหาได้ง่าย
อ้อ ถึงแม้ธีมจะมีความสำคัญ ผู้อ่านยังไม่จำเป็นต้องใช้เวลาเลือกนานครับ เพราะเราสามารถเปลี่ยนธีมเมื่อไรก็ได้
ก่อนจะเสียเวลามากมายเลือกธีมที่ตรงใจเรา คุณควรเขียนบทความให้บล็อกคุณไว้บ้าง ถ้าบล็อกคุณยังไม่มีเนื้อหาอะไรเลย บล็อกจะดูโล่งๆ ทำให้เวลาเปลี่ยนธีมจะดูไม่ออกว่าธีมตัวนั้นดีหรือไม่
เพราะฉะนั้นตอนนี้เลือกธีมที่พอดูได้มาซักอันก่อน หลังจากที่บล็อกคุณมีเนื้อหาบ้างแล้ว ค่อยเปลี่ยนธีมอีกครั้งก็ได้ครับ
เพิ่มบทความให้บล็อกคุณ
ได้เวลาใส่เนื้อหาให้บล็อกคุณแล้วครับ
ถ้าต้องการเขียนบทความแรกให้บล็อกคุณ ให้ไปที่ Dashboard แล้วเลือกเมนู Posts >> Add New
จะมีตัว text editor โผล่ขึ้นมา ให้เริ่มเขียนบทความได้เลย

ตัว editor ของ WordPress ในรูปด้านบนใช้งานง่ายมาก คุณสามารถใส่รูปภาพ, วิดีโอ, ไฟล์เสียง, หรือ block ประเภทอื่นๆ ในบทความของคุณได้
สมมุติคุณต้องการใส่รูป ก็แค่เครื่องหมายบวก (+) แล้วเลือก Image (ดูรูปด้านล่าง)

คุณสามารถค้นหา block ที่ต้องการโดยพิมพ์ลงในช่อง Search for a block ได้ด้วย (ดูรูปด้านล่าง)

ถ้าคุณอยากลบ block อันไหน ก็ให้คลิกที่ block อันนั้น จากนั้นกดเครื่องหมายจุดสามอัน (ดูรูปประกอบด้านล่าง) แล้วเลือก Remove Block

หลังจากเขียนบทความเสร็จแล้ว ให้กดปุ่ม Publish บทความของคุณจะปรากฏบนหน้าแรกของบล็อกคุณทันที (หรือถ้ายังเขียนไม่เสร็จ คุณสามารถกด Save Draft เพื่อ save บทความไว้ก่อนได้)

วีดีโอเพิ่มเติมเกี่ยวกับ blog
วิธีทําบล็อก blogger,วิธีการสร้าง blogger
การตกแต่ง blog ให้สวย
ใส่ปฏิทิน
ที่มา:
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น